หนังตะลุงพื้นบ้านจังหวัดตราดแต่ละคณะ มีลำดับขั้นตอนการแสดงคล้ายคลึงกัน ดังนี้
1. การทำน้ำมนต์ธรณีสาร
ในการแสดงทุกครั้งและก่อนทำพิธีกรรมใดจะต้องทำน้ำมนต์เรียกกันในหมู่คณะหนังตะลุงว่า “น้ำมนต์ธรณีสาร” โดยสมาชิกในคณะหนังตะลุงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ทำก็ได้ แต่มักเลือกนายหนังหรือสมาชิกในคณะที่มีอาวุโสอายุสูงสุด อุปกรณ์ประกอบด้วยขันน้ำใส่น้ำใสสะอาดประมาณ ¾ ของขัน พานใส่หมากพลู 3-5 คำ ดอกไม้ทุกชนิดยกเว้นดอกเข็มและดอกลั่นทม เหล้า 1 ขวด ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม บุหรี่ 1 ซองหรือ 3 มวน และเงิน 12 บาท
เริ่มด้วยกล่าวนโม 3 จบ จากนั้นกล่าวคาถาชุมนุมเทวดาและกล่าวธรณีสารเล็ก(สีโรเมฯ)พร้อมๆ กับวนเทียนเหนือระดับน้ำในขันจากซ้ายไปขวา ให้น้ำตาเทียนหยดลง คณะหนังตะลุงจะนำน้ำมนต์นี้ประพรมนักแสดงและตัวหนังตะลุง เพราะมีความเชื่อว่าตัวหนังตะลุงทำด้วยหนังของสัตว์มีชีวิต เช่น หนังวัว หนังควาย โดยเฉพาะตัวฤษีที่ทำด้วยหนังหน้าผากเสือซึ่งเป็นสัตว์ดุร้าย นอกจากนี้ยังอาจมีสิ่งของทางไสยศาสตร์ซุกซ่อนในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มีกระดูกซ่อนไว้ในกลองตุ๊ก ดังนั้นอาจไม่เป็นมงคลและอาจนำสิ่งไม่ดีมาให้ผู้แสดง จึงเชื่อว่าน้ำมนต์ธรณีสารสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองผู้แสดงจากสิ่งไม่เป็นมงคลเหล่านี้ได้
2. การไหว้ครู
นายหนังจะทำหน้าที่ไหว้ครู ขณะทำพิธีคณะนักแสดงทุกคนจะนั่งล้อมเป็นวง เครื่องไหว้ครูแต่ละคณะจะแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ประกอบด้วย เหล้า 1 ขวด เงิน(แต่ละคณะไม่เท่ากัน) ธูปและเทียน
เริ่มพิธีนายหนังจุดธูปเทียนแล้วกล่าวคำไหว้ครู ซึ่งคำไหว้ครูจะแตกต่างกันตามคณะหนังตะลุงแต่ละคณะ สำหรับคำไหว้ครูของคณะนายอำไพ สายสังข์ มีคำไหว้ครูดังนี้
นะโม 3 จบ “พุทธัง อาราททะนานัง ธัมมังอาราททะนานัง สังฆังอาราททะนานัง ข้าพเจ้าขออาราธนาครูบาอาจารย์ ครูพักลักจำ ครูแนะ ครูนำ ครูสั่ง ครูสอน ครูเทพกุญชร ครูมหาละลวย ครูพ่วง ครูปู้ ครูเปี๊ยก ครูเอียด ครูใหญ่ ครูชิด ครูเฉื่อย ขอจงมารับเครื่องกำนลที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ให้อิ่มหนำสำราญ”
จากนั้นให้เวลาผ่านไปประมาณ 10-20 นาที ด้วยความเชื่อว่าเพื่อให้เวลาวิญญาณครูกินเครื่องไหว้ จากนั้นกล่าวคำลา ดังนี้ “ครูบาอาจารย์ทุกท่านกินอิ่มหนำสำราญ เหลือเป็นทานให้ลูกหลายกินเถอะ ลูกหลานจะเล่นเพลงใดก็ขอให้คล่องสมใจปองปรารถนา ประสิทธิ เม” เป็นเสร็จพิธีไหว้ครู ส่วนเครื่องกำนล(เครื่องไหว้ครู) เช่นเหล้า คณะหนังตะลุงจะนำมาดื่มนิดหน่อย ที่เหลือจะให้คนอื่นๆ นำไปดื่มต่อ
เมื่อเสร็จสิ้นจากการไหว้ครู นายหนังจะนำปลายไม้ตีกลองตุ๊กมาขีดเป็นอักขระขอมบนหน้ากลองตุ๊ก เรียกพิธีนี้ว่า“การเจิมหน้ากลอง” เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่นักดนตรี เหตุที่เลือกกลองตุ๊กเพราะเชื่อว่า เสียงกลองตุ๊กได้ยินไกลมากๆ สามารถโน้มน้าวคนที่ได้ยินเสียงให้เดินมาชมการแสดงหนังตะลุงได้
หนังตะลุงตราดมีความเชื่อว่ากลองตุ๊กเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโบราณไม่มีเทคโนโลยีช่วย จะมีเพียงเสียงกลองตุ๊กเท่านั้นที่ไประยะไกล สามารถโน้มน้าวคนฟังให้เดินทางมาชมการแสดงได้ ดังนั้นจึงนำไสยศาสตร์มาใช้โดยนำกระดูกคนตายลงอาคมใส่ลงไปในกลองตุ๊ก เสมือนสร้างพลังเสียงของกลองตุ๊กให้แรงกล้ายิ่งขึ้น
3. โหมโรงและการแสดงเปิดโรง
หนังตะลุงจังหวัดตราดจะเริ่มเล่นเวลาประมาณ 20.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลาประมาณ 24.00 น. โดยเวลาประมาณ 19.30 น. เครื่องดนตรีและเครื่องประกอบจังหวะจะเล่นเพลงโหมโรง เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ชมทราบว่าการแสดงจะเริ่ม และยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้แสดงด้วย สำหรับคณะของนายหนังอำไพ สายสังข์ จะมีเพลงโหมโรงทั้งหมด 12 เพลง เริ่มโหมโรงด้วยรัวกลองตุ๊ก 3 พร้อมประพนมน้ำมนต์ธรณีสารที่ทำไว้แก่ตัวหนังตะลุงและผู้แสดงทุกคน นักดนตรีจะบรรเลงเพลงโหมโรงซึ่งแต่ละเพลงเป็นเพลงไทยเดิมอัตรา 2 ชั้นบรรเลงต่อเนื่องพร้อมเปลี่ยนจังหวะโทนกลองไปเรื่อยๆจนครบ 12 เพลง
จากนั้นจะเริ่มการแสดงโดยการแสดงชุดแรกเป็นชุดที่ต้องแสดงทุกครั้งเรียกว่าการแสดง“เบิกโรง” หรือ “เปิดโรง” หรือ “เบิกหน้าพระ” ตัวหนังตะลุงที่แสดงในชุดนี้ประกอบด้วย ตัวหนังพระฤษีปักไว้กลางจอ ตัวหนังพระรามหรือพระนารายณ์ปักทางซ้ายของตัวหนังพระฤษี(ขวามือของคนดู) ตัวหนังยักษ์จัตุรพักต์ปักทางด้านขวาของหนังพระฤษี(ซ้ายมือของคนดู)
4. จับลิงหัวค่ำ
การแสดงจับลิงหัวค่ำจะแสดงเฉพาะคืนแรก หมายความว่าถ้าการแสดงครั้งไหนแสดงหลายคืนจะแสดงจับลิงหัวค่ำเฉพาะคืนแรกเท่านั้น หรือถ้าขึงจอใหม่ต้องแสดงจับลิงหัวค่ำทุกครั้ง ลักษณะการแสดงจะมีพระฤษีซึ่งมีลิงขาวและลิงดำเป็นลูกศิษย์ ทั้งสองจะทะเลาะกันเสมอและจบลงโดยลิงขาวเป็นผู้ชนะทุกครั้ง อุบายที่สื่อต่อคนดูหนังตะลุงก็คือไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ใดต้องรักสามัคคีกัน
5. การแสดงเรื่อง
หลังการแสดงจับลิงหัวค่ำสิ้นสุดลง จะมีตัวหนังตะลุงซึ่งนิยมเรียกว่า“ตัวเสนา” ประมาณ 2-3 ตัว ตั้งชื่อแตกต่างกันตามหนังตะลุงแต่ละคณะหรือแต่ละท้องถิ่นออกมาสนทนากันเพื่อบอกเหตุผล และที่มาของการแสดงหนังตะลุงในคืนนี้ เช่น ใครเป็นเจ้าภาพ จะแสดงเรื่องอะไร หากเป็นวรรณคดีจะระบุตอนที่จะแสดงด้วย
จากนั้นจะเริ่มการแสดงตามเนื้อเรื่องที่กำหนดไว้จนเกือบถึงเวลา 24.00 น จะเข้าสู่การแสดงลาโรงโดยมีตัวหนังที่เรียกว่า“พระอินทร์” ออกมาร้องอวยพรให้เจ้าภาพประสบความสุข สวัสดีมีชัย และเลิกการแสดงเวลาประมาณ 24.00 น.
6. ออกฤๅษี หรือ ชักฤๅษี
เชื่อกันว่าฤๅษีเป็นตัวหนังงตะลุงที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องปัดเสนียดจัญไรและภยันตรายทั้งปวง ทั้งช่วยดลบันดาลให้หนังตะลุงแสดงได้ดีเป็นที่ชื่นชมของคนดู รูปตัวหนังฤๅษีจะออกแสดงครั้งเดียว
7. ออกรูปพระอิศวรหรือพระอิศวรทรงโค
รูปพระอิศวรของหนังตะลุงถือเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์อีกรูปหนึ่ง และเป็นเทพเจ้าแห่งความบันเทิง ทรงโคอุสุภราชหรือนนทิ หนังตะลุงเรียกรูปพระอิศวรว่ารูปพระโคหรือรูปโค หนังคณะใดสามารถเลือกหนังวัวที่มีเท้าทั้ง 4 สีขาว โหนกสีขาว หน้าผากรูปใบโพธิ์สีขาว ขนหางสีขาว วัวประเภทนี้หายากมากถือเป็นมิ่งมงคล ตำราภาคใต้เรียกว่า“ตีนด่าง หางดอก หนอกพาดผ้า หน้าใบโพธิ์" ปกติโคอุสุภราชมีสีเผือกแต่ช่างแกะจะแกะรูปให้วัวเป็นสีดำนิลเพื่อเจาะจงให้สีตัดกับสีรูปพระอิศวร ตามลัทธิพราหมณ์พระอิศวรมี 4 พระกร ถือตรีศูล ธนู คฑา และ บาศ แต่พระอิศวรรูปหนังตะลุงมีเพียง 2 กร กรหนึ่งจักรอีกกรหนึ่งถือพระขรรค์ เพื่อให้รูปกะทัดรัดสวยงาม