บันทึกการสัมภาษณ์นายหนังโสน นุดสมบัติ
สิงหาคม พ.ศ. 2550   เวลา 15.00 น

นายโสน นุดสมบัติ  เกิด พ.ศ. 2473   อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 5
ตำบลหนองโสน  อำเภอเมือง  จังหวัดตราด

 

 

(เนื่องจากสำเนียงภาษาของนายหนังโสน นุดสมบัติ   เป็นภาษาถิ่นจังหวัดตราด   ซึ่งจะตัดคำและมีเสียงสูงต่ำเมื่อจบประโยค  ผู้รวบรวมจึงได้เพิ่มเติมคำและแก้ไขประโยคให้อ่านเข้าใจ  โดยคงใจความสำคัญของประโยคไว้เหมือนเดิม)

 

ถาม   หนังตะลุงตราด  มีความเป็นมาอย่างไรครับ
ตอบ  หนังตะลุงเขาว่ามาจากพัทลุง  ไม่มีหลักฐาน เขาว่ากันต่อๆกันมา    คนเก่าคนแก่เขาว่ากันมา    อาจารย์ของฉันเล่ากันต่อๆมาแต่ไม่ใครรับรองว่าจริงหรือไม่  พ่อแก่ที่เป็นอาจารย์เล่าต่อๆให้ฉันฟังว่า  มีหนังตะลุงจากพัทลุงเผยแพร่ที่นี่  แต่เรื่องนี้เอาแน่ไม่ได้ 

 

ถาม   ช่วงลุงเป็นเด็ก หนังตะลุงในจังหวัดตราดมีหลายคระใช่ไหม  เฉลี่ยตำบลละ 1 คณะได้ไหม
ตอบ    ช่วงที่ฉันเป็นเด็กๆ หนังตะลุงมีที่นี่(บ้านหนองโสน) มีคณะเดียว   เป็นคณะเพิ่งเกิดของพี่ชายฉันเอง(นายหนังฉะอ้อน นุดสมบัติ)  พี่ชายฉันฝึกหัดเล่นหนังตะลุงด้วยตนเอง รวมกันกับเพื่อนเป็นโรง  เล่นกันไปจนมีชื่อเขาก็มาหากัน คนโน้นชอบคนนี้ชอบ  ตอนนั้นบ้านน้ำเชี่ยวมี 2 คณะ   ตำบลละคณะคงไม่ได้แต่ใกล้เคียง   แต่แน่ๆ คณะหนังตะลุงมากกว่าคณะลิเก  

 

ถาม   การฝึกหัดหนังตะลุงสมัยก่อนเป็นอย่างไร
ตอบ  หนังตะลุงสมัยนั้นเกิดขึ้นได้สองแบบ  แบบแรกฝึกกันเองแล้วผ่านครู(ครอบครู)ทีหลัง  อีกแบบไปฝึกหัดจากครู   ฉันเองติดหัวหน้าเขาไปก่อน ตีโทน ฉิ่ง กลอง    ต่อไปค่อยๆเข้าไปจนเล่นเป็น   ไม่ใช่ว่าฝึกทีเดียว  ตอนหลังรุ่นฉันต้องหาคนมาฝึก เราเป็นครูสอน  เห็นแววเด็กก็เรียกมาฝึก   เด็กมาสมัครก็มี   บางคนก็ได้บางคนก็ไม่ได้   โดยมากจะไม่ค่อยได้    แต่ไม่ว่าจะฝึกกันมาอย่างไรต้องมอบครูไหว้ครูทั้งนั้น  งั้นใช้ไม่ได้   

 

ถาม  คนเล่นหนังตะลุงได้  ต้องมีลักษณะอย่างไร
ตอบ  คนเล่นหนังตะลุงได้จะต้องมีเชาวน์   อาจต้องดูสายเลือดก๋งเขาเตี่ยเขาด้วย  ดูสายเลือดว่ามีความฉลาด  มีจิตวิทยาจึงจะพอเล่นได้    ต้องรู้ราชาศัพท์ที่จะเอาพูดไปร้อง  ต้องมีพอสมควร ถ้าไม่มีเลยคนนั้นเล่นไม่ได้   ต้องรู้พอสมควร  ไม่มากก็น้อย  พื้นฐานการแสดงก็เป็นบ้าง 
 การฝึกตอนต้น ขึงจอ มีโทนกลองครบเอาจริงจัง  มีครูฝึก  เริ่มให้ลองจับหนังก่อน  ลองร้องลองเต้น เดินดู หัดร้องหัดพูด บางคนก็ได้บางคนก็ไม่ได้  แต่ละคนฝึกจะไม่เหมือนกัน  กว่าจะได้ใช้เวลาพอสมควร  ที่ฝึกๆมาจะใช้เวลาช่วงพรรษาหน้าฝน  คนบ้านเราจะว่างงานในพรรษาหน้าฝน  ทั้งทำนาทำสวน  ตอนแล้งๆ ทำอาชีพตัดยาง   หน้าพรรษาว่างงาน  ฝึกได้เดือนสองเดือนสามเดือน  พอเล่นได้  ถ้าไม่ได้ต้องใช้เวลาต่อไปอีก  แล้วแต่คน หัวไวหน่อยก็ได้เร็ว  เอากันจริงๆเลย  ฉันฝึกคนมาก็สิบกว่าคน  ได้บ้างไม่ได้บ้าง  ที่เล่นปัจจุบันมี 3 คนที่ได้  นอกนั้นไม่ได้   ไม่ได้ก็ออกไป    คนที่ชอบอยู่ก็เอา..ถ้าแกร้องไม่ได้เล่นไม่ได้ก็ตีโทนตีกลอง  ถ้าได้ก็ไปด้วยกันได้  ถ้าไม่ได้ก็ไปกันไม่ได้ก็ออกไป   ตีโทนตีกลองไป  ฝึกอย่างไรก็แล้วแต่ อย่างไรต้องมอบครู  เอาคนที่มีอาชีพมามอบให้  ถือว่าเขาเป็นอาจารย์ของเรา  เขายินดีจะเป็นครูของเรา

 

Description: DSC03984

 

ถาม  หนังตะลุงตราด มีเนื้อร้อง ทำนอง ที่เป็นมาตรฐานไหม
ตอบ    มี   เรื่องมาตรฐานก็คือรามเกียรติ์  แล้วแต่จะเอาตอนไหน  เรามีหนังสือรามเกียรติ์มาอ่าน  แล้วคัดเลือกเอาว่าจะเอาตอนไปเล่นเฉพาะคืนๆ   เอาตอนที่สนุกๆ ตอนไม่สนุกไม่เอามาออก  บทร้องต้องท่องบ้าง คนที่ฝึกต้องท่องบ้าง คนที่เป็นแล้วไม่ต้องท่อง แต่จำโครงเรื่องให้ได้    เรื่องเดียวกันเล่นคนละคืนร้องคนละอย่าง  จำโครงเรื่องไว้ ร้องด้นไปเลย   แต่ต้องอาศัยเรื่องมาตรฐาน  ราชาศัพท์    คนที่เล่นต้องร้องด้นให้ได้   ถ้าร้องด้นไม่ได้ก็ยากหน่อย   หรือถ้าเรามีปัญญาจำเก่ง  จำได้ก็จำกลอนเอามาร้องมาพูดได้  ว่าตามนั้นได้เลยถ้าสมองดี    ถ้าสมองไม่ดีก็ไม่ได้   ร้องไปเป็นขั้นตอน
          เรื่องจะเล่นแต่ละคืนขึ้นกับคนหา   คนเก่าๆ ที่จ้างเราไปเล่นเขาจะเสนอมาเลย  คืนนี้เล่นเรื่องรามเกียรติ์ตอนกุมกัณฑ์ทดน้ำ  ตอนสื่อสารนางสีดา   ท้าวมาลีวราชว่าความ(เขียนตามสำเนียงพูด) เขาว่ามา ขอให้เราเล่น เล่นได้ไหม ถ้าได้ก็เล่นให้เขา เจ้าภาพขอ  บางที่ก็แต่งเรื่อง คนรู้เขาจะขอ    สมัยโบราณโดยมากจะเลือกเอา  เอาสนุก  แต่งเอาเอง  ให้เหมาะสม  ให้เข้ารูปเข้ารอย เหมาะสม 

 

ถาม   การแต่งเรื่อง  มีหลักการแต่งอย่างไรครับ
ตอบ   มันอยู่ในนี้แหละ(เอามือชี้ที่หัว)  มันอยู่ในสมอง   เราจะเริ่มตอนไหนก่อน คิดแล้วก็เขียนในกระดาษ   ถ้าจะใส่เนื้อหาการเมืองหรือสาระอะไร ต้องทิ้งช่วง เอาเสนาออกมาว่ากัน แต่เรื่องต้องเดินไปสักพักก่อน ไปสักพัก เอาเสนาออกมา  แต่คนเล่นทั้งสองคนต้องรู้กัน  จะว่าการเมืองต้องรู้กัน  ถึงจะต่อกันฉะกัน  ต้องคุยการเมืองกันมาก่อนถึงจะได้  คนหนึ่งรู้อีกคนไม่รู้พูดกันว่ากันมันก็เฉย  ถ้าคุยกันถูกมันจะใส่กันสนุก ปนกันสนุกสนาน   ธรรมดาแล้วต้องมีการสอดแทรกบ้าง  ถ้าไม่มีเลยไม่สนุก  เช่น คืนนี้จะไปแสดงที่นากุ้ง อ่าวใหญ่ อ่าวช่อ  เราจะแสดงอะไรให้เขา เอาเสนาออก ชอบเรื่องอะไรก็เสนอมา คุยกันก่อน ปรึกษากันก่อน  โดยมากเล่นศาลเจ้าพ่อต่างๆ เช่น แถวหนองหิน หนองทรง  โดยมากเขาให้เล่นเรื่องเก่า  เขาจะให้เล่นเรื่องเก่ารามเกียรติ์  ไปถึงยังไม่ทำอะไรเราขึงจอไม่ทันเสร็จเขาเสนอมาเลย  เจ้าโผ..คืนนี้แสดงรามเกียรต์ให้ฉันนะ  เราก็บอกเขา เอาตอนไหนก็เสนอมา เขาก็ว่า ตอนไหนสนุกก็ได้เลย   โอเค…เราคิดได้ เขาให้เราเลือก   เอาตอนนั้นตอนนี้เสนอไปให้เขาเลือก  การเลือกเรื่องแสดงสมัยก่อนก็เป็นแบบนี้      งานแก้บนงานเข้าพ่อส่วนใหญ่เป็นรามกียรติ์   งานทั่วไปงานบุญงานทุ่งเอาเรื่องทั่วไป เฮฮา  ใส่กันเถียงกัน แต่เล่นต้องมีแก่นสอดใส่เข้าไป    เรื่องการสอดแทรกต้องมีบ้าง ความดีไม่ทำความชั่ว  ผลสุดท้ายต้องลบล้างความชั่วให้ความดีเด่นขึ้นมา  พอความดีเริ่มชัดแสดงว่าหมายความว่าจะหมดเวลาเล่นแล้ว เที่ยงคืนแล้ว  สุดท้ายบรรยายหน่อยว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างนี้  เขาว่าดูหนังตะลุงต้องดูเรื่องนะ  สุดท้ายความดีต้องลบล้างความชั่วไปหมด ความยุติธรรม ฉันจะใช้แนวนี้ไม่ใช่สนุกอย่างเดียว

 

Description: DSC03985

 

ถาม  สมัยลุงเป็นเด็กๆ  คนดูหนังตะลุงมากไหม
ตอบ   หนังตะลุงเล่นทั่วไปหมด คนดูมีทั้งเด็กหนุ่มสาวคนแก่ ดูกันหมดนั่นแหละ ราวปีพ.ศ. 2495-97คนดูเต็ม บางที่ไม่หนีเรา  50-60 ปีมาแล้ว ช่วงนั้นคนดูเต็มไปหมดไม่มีหนีเรา   ถ้ามีลิเกก็ประชันกัน   เกือบทุกงานจะมีหนังตะลุง  สมัยก่อนเริ่มเดือน 4-5 จะเริ่มบวชนาค  เดี๋ยวไปแสดงที่นั่นไปนี่  เดินไปทั้งนั้นแหละ จากนี่ไปอ่าวใหญ่อ่าวช่อไปทั่ว บางที่การคมนาคมไม่สะดวก  เขาให้เราเดินไปถึงตรงนั้นๆ  ลุงเดินไปถึงบ้านโคกหรือหนองทรง หยุดนะ ฉันมารับที่นั่น  เอาเชิงท้ายลางไก่เอาควายมาลากตัวหนังช่วยกัน  ที่ไหนไกลมากๆ เดินไม่ไหวก็ไม่เอา ถ้ามาช่วยเอาหนังไปก็ไปได้   โน้น…หนองยาง ท่าเลื่อน     เดินไปกันนะ  ถ้าเขามาเราก็ยินดี  ต้องเดินในวันหนึ่ง  ขี่ม้าไปไม่ค่อยมี  ส่วนมากใช้ควายเกวียนหรือ  ล้อเลื่อน ลากไป
          คนยุคก่อนให้มีศีลธรรมแทรกสอดด้วย  แต่ขึ้นกับหนังแต่ละโรงด้วย  แถวห้วยแล้งหนองยาง คลองขุด  โน้น คนแถวนั้นถ้าหนังตะลุงเล่นแล้วไม่มีหนี  ไม่มีหนี  ถ้าหมดเวลาตี 12 (24.00 น.)  แล้วจะเลิกไม่ได้  ประท้วง  เอาบ่ายโมงๆ(01.00 น.)นะลุงนะ   พอบ่ายโมงแล้วประท้วงเอาต่อ  จะเอาต่ออีกนะ  ชอบๆๆ   เขาไม่หนีกัน

ถาม  เหตุผลอะไรที่คนสมัยนั้นชอบหนังตะลุง
ตอบ   เป็นที่ยุค ยุคสมัยนะยุคสมัยโบราณไม่มีการละเล่นอื่น หนังจอใหญ่(ภาพยนตร์กลางแปลง) ยังไม่ขยายไปท้องที่ต่างๆ พอหนังจอใหญ่มันออกมาก หนังตะลุงเริ่มถอย ถอยมาเรื่อยๆ  จนบัดนี้

 

ถาม   ลุงพอทราบไหมว่า สมัยนั้นแถวจันทบุรีระยองมีหนังตะลุงหรือไม่  ถ้ามีเหตุใดปัจจุบันจึงไม่มีเล่นให้เห็นเหมือนตราด
ตอบ     เมื่อก่อนเคยเจอเคยเล่น เมื่อก่อนจันทบุรีระยองก็มี  แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จันทบุรียังมีอยู่หรือไม่มี อีกใจก็คิดว่าหนังยังอยู่ตัวหนังยังอยู่แต่อาจหาคนเล่นไม่มีหรือไม่มีงานให้ออก   หรือชุดที่แสดงๆ ไม่เก่งคนเล่นไม่เก่ง  หรือเล่นแล้วขอเหล้ากินเมาก่อนเละเทอะเขาเลยไม่หา    ที่ตราดคนเล่นเก่งๆ มี   ไม่เหลวไหลความประพฤติดี  เล่นแล้วกินเหล้าโมเมเละเทอะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง  ไปไม่รอด

 

ถาม   เจ้าพ่อเจ้าแถวนี้ชอบให้บนหนังตะลุง  ลุงคิดว่าเจ้าพ่อมีส่วนทำให้หนังตะลุงอยู่ถึงบัดนี้ไหม 
ตอบ  เจ้าพ่อเจ้าแม่แถวนี้ให้บนหนังตะลุงก็มีส่วน   ฉันไปที่หน้ากุ้งถามเขาว่าทำไม่เอาจอใหญ่ละ   เจ้าของนากุ้งเขาว่า จอใหญ่(ภาพยนตร์กลางแปลง)เจ้าพ่อไม่ชอบ ตอนนี้มีงานมากๆก็แก้บน ที่แสดงๆตอนนี้แก้บนทั้งนั้น แหลมหิน ฝูงบิน อ่าวใหญ่ ท่าสะท้อน บางปลิด เหมือนกัน    คืนนี้ลุงขัดข้องอะไรที่เอาหนังมาเล่น  โอย..ตั้งแต่คราวนั้น จะขายที่บนไว้ว่าให้ขายได้สะดวก ขายได้ราคา จะให้หนังตะลุง  โดยมากเป็นงั้น มันแปลก  เออ..นากุ้งแปลกนะ ที่จะเป็นจอใหญ่น้อยมาก หนังตะลุงทั้งนั้น  เจ้าพ่อแถวนั้นท่าจะชอบของเก่า 

 

ถาม    เจ้าพ่อที่ชาวนากุ้งชอบบน  เกิดมาอย่างไร  มาจากไหน  หรือมีความเป็นมาอย่างไร 
ตอบ  หมายความว่าเจ้าพ่อคันนามีอยู่ คือไปทำนากุ้งแถวไหนก็เอาเจ้าพ่อแถวนั้น เช่น แหลมหิน  แถวนั้นมีเจ้าพ่อประจำ เจ้าพ่อหัวสำโรง เขาอาศัยเจ้าพ่อเป็นกำลังใจ จิตวิทยาความเสี่ยง  ทำนาคราวนี้ถ้าเจ้าพ่อช่วยให้ได้เท่านั้นเท่านี้กิโล แล้วจะเอาหนังมาเล่นให้ หนังตะลุงทั้งนั้น  นานๆจึงจะมีจอใหญ่สักคืน  ตราดทั้งนั้นบนเจ้าพ่อ  ก็แปลกนะ อยู่ได้เพราะอาศัยเจ้าพ่อนากุ้ง  เวลานี้  
จะเล่าให้ฟังนะ  ตอนที่ฉันเป็นหนุ่มๆ อายุ 18-19  งานกินเจที่ตลาดตลอด 10 คืน เอาหนังตะลุงเล่นทุกคืน  หมายความว่าคณะกรรมการประชุมตกลงทุกครั้งให้เอาหนังตะลุง เล่นได้เวลาตี 12  เขาให้หยุด เขาถวายเข้าพ่อให้เราหยุดสงบ เสร็จแล้วเล่นต่ออีกแป๊บก็เลิก  ตอนนี้เจ้าพ่อยังอยู่ โรงเจก็ยังอยู่  แต่เปลี่ยนเป็นหนังใหญ่ หลายปีแล้ว
 
ถาม   แสดงแต่ละครั้ง  เจ้าอาวาสหรือผู้ใหญ่บ้านมาให้แทรกเรื่องประกาศ หรือเชิญชวนบ้างไหม เช่น  ทำบุญ สร้างโบสถ์ วิหาร
ตอบ   มี เคยมี บางทีมีหนังตะลุงอย่างเดียว  บางครั้งเขาเขียนให้เสร็จ ให้ประกาศให้ที  ตอนกลางๆ ประชาสัมพันธ์ที  ใกล้เลิกๆ ประกาศซ้ำอีกที    ทางการทางอำเภอก็มี  อย่าง 3 ปีก่อน อาจารย์โรงเรียนจ้างไปให้แสดงต้านโรคเอดส์  (กระซิบ.. ต้านไงมันทำของมันเอง) หามาก็เล่นให้  สมัยโบราณทางการไม่ยุ่ง  เพิ่งมาในยุคนี้  ไม่บ่อยนัก โบราณไม่มี  

 

ถาม   สมัยต่างชาติยึด  ยึดครองจันทบุรีและตราด   หนังตะลุงมีแสดงต่อต้านไหม
ตอบ   จำความไม่ได้ ฉันเล็กมาก อาจมีแต่ฟังไม่ออก หรือความจำไม่ได้  เล็กมาก

 

ถาม  ขณะแสดง  สอดแทรกเรื่องทางเพศ  สองแง่สามง่ามกันบ้างไหม
ตอบ   ไม่มี จังหวัดตราดไม่มีเรื่องนี้  ถึงมีบ้างก็พูดเล็กๆ น้อยๆ เรียบร้อย  โลกีย์วิสัยไม่มี   ถ้ามีตัวหญิงสาวสีสาวใช้ก็เล่นธรรมดาเรียบๆ ในกรอบที่ดี   อีกอย่างเวลาฉันไปเล่นในวัดในวาฉันจะระวังมาก   อย่างให้ประเจิดประจ้อ  เขตอภัยทานต้องสงวนไว้

 

ถาม   คณะหนังตะลุงที่ได้รับความนิยมมาก   เจ้าภาพจ้างไปแสดงบ่อยๆ    มีสาเหตุมาจากอะไร
ตอบ    ประกอบหลายอย่าง หนังตะลุงที่ประสบความสำเร็จเกิดจากนายหนังเก่ง การบริการ พูดจริง ทำจริงไม่เหลวไหล เวลาต้องเป็นเวลา ไม่เมา ถ้ากินเหล้าเละทุกโรง มีตัวอย่างด้วยนะ  รุ่นพี่ๆของฉันละนะ ทั้งคู่ เล่นไปสักพักดื่มไปหลายกิ๊ป ซวนเซ หนังล้มบ้างอะไรบ้าง   
ต้องเล่นเก่งร้องเก่งความประพฤติดี อย่างนี้แหละสำคัญ จึงจะอยู่ได้นาน  ชื่อสัตย์ตรงเวลา  รับงานแล้วต้องไป ไปไหนก็ต้องไป ถ้าเรารับงานต้องไป  สมัยนั้นคนหาคนเล่นต้องมาเจอกัน   สมัยก่อนมาถึงตัวกันพูดกันว่าเอาอย่างไร จะรับงานได้ต้องคุ้นกัน สมัยนี้ใช้หูใช้โทรศัพท์ หลายงานพอไปผิดเป้าบ้างอะไรบ้าง(ถูกหลอกให้ไปแสดง)ก็มีเป็นธรรมดา  ตอนนี้ถ้าโทรมาฉันต้องคุ้นกัน  และที่ตรงนั้นๆ ฉันต้องเคยผ่าน จึงจะไปแสดง

 

ถาม   สิ่งที่นายหนังต้องระวังมีอะไรบ้าง
ตอบ  ระมัดระวังเรื่องสังคม ตัวเรา หัวหน้าคณะต้องระวัง ต้องเข้าในหมู่นั้นๆให้ได้  ถ้าไปต่างถิ่นไม่รู้จักเลยเราต้องระวัง ต้องดูเหตุการณ์  สมัยนั้นความปลอดภัยไม่เหมือนสมัยนี้  เราต้องไปเดาะๆก่อน(หมายถึงการพูดคุยเพื่อหาข้อมูล)  บ้านนั้นๆ ตรงนี้เขาชอบมีเรื่องอะไรกันไหม ใครเป็นหัวไม้ในถิ่นนั้น ต้องรู้ นายหนังต้องคุยต้องหาข้อมูล เดาะตรงนั้นตรงนี้ รู้ว่าใครมีอิทธิพล  เพราะต้องหาหนทางไว้  คุยแล้วฝากฝังอะไรหลายๆอย่างในวันข้างหน้า ฝากคณะเอาไว้ ไปคุยไปอะไร ไปคุ้นให้ได้ หาทางไปคุ้น   อีกอย่างก็ผู้ใหญ่ กำนัน สมภารวัด ก็ไปกราบตั้งแต่ไปถึง ต้องมีต้องทำ ความสัมพันธ์นี่สำคัญมาก  
ไสยศาสตร์ต้องมีอยู่บ้าง ติดตัวไว้บ้าง อาวุธไม่ใช้  เราใช้นี่….ปาก  สมัยก่อน  คนทั่วไปรู้จักนายหนัง  สมัยก่อนหนังตะลุงไปที่ไหนเด็กล้อมเต็ม เด็กชอบ พอเสนาออกเด็กฮา สนุก    แต่สมัยนี้กลับตาลปัด เด็กหายเงียบ มาเดี๋ยวๆ ผ่านไป ดูผ่านๆ  เรื่องที่เล่นเฉพาะคืนๆ  ก็เล่นไปตามเรื่อง

 

ถาม   ราคาจ้างแสดงสมัยนั้น  คืนละเท่าไร
ตอบ   สมัยก่อนเล่นกับพ่อแก่(หัวหน้าคณะคนก่อน) คืนละ 170-180 บาท  ประมาณนี้   สมัยนั้นทองบาทละ 400 บาท   

 

ถาม   ลุงให้ใครครอบครูให้ครับ
ตอบ  พ่อแก่  แกเป็นหัวหน้าคณะคนก่อน  ตอนนั้นงานไหนแกขาดคนเล่น  แกจะมาเรียกเราไปด้วย    แกเป็นหัวหน้าคณะ แกมีหนังครบ แกขาดคนก็มาเรียกฉันไป ฉันก็ไปกับแก ฉันเอาแกนี่แหละมามอบครูให้   แกชื่อ เอี๋ยว อรุณมาศ    ตอนที่พี่ชายฉันหัดเอง(นายฉะอ้อน นุดสมบัติ)ใต้ถุนบ้าน  ตอนนั้นฉันเองยังเด็ก  พี่ฉะอ้อนให้ ครูคง มอบครูให้ ส่วนฉันเองให้ ครูเอี๋ยว มอบให้    พอแกมอบครูให้ฉันเรียบร้อยไม่นานแกก็หมดไป(เสียชีวิต)  จากนั้นฉันมาร่วมคณะกับพี่ชาย เป็นคณะที่ดังพอสมควร ดังจนคนอื่นไม่ติดสู้ไม่ได้  ตอนนั้นมี 2 คณะที่บ้านน้ำเชี่ยว  ทั้งสองคณะสู้คณะทิดฉะอ้อนไม่ได้ อย่างไรแข่งที่ไหนก็สู้ไม่ได้  พอมาๆ   ทิดอ้อนอายุมากๆ  แกเลยหันไปทำขวัญนาค  ยกให้ฉันเป็นหัวหน้าคณะแทนมาบัดนี้ 
         
ถาม     ลุงคิดว่า หนังตะลุงจังหวัดตราดจะสูญไป  เหมือนที่อื่นไหม
ตอบ    มีคนถามฉันหลายแห่ง  เอ..อายุมากแล้ว ไปๆเข้า หดไปๆ ตายไปจะสูญไหม ฉันตอบว่าไม่สูญหรอก  เพราะแม้ฉันไม่อยู่ เครื่องไม้เครื่องตัวหนังก็ยังอยู่ ไม่เผาทิ้ง   ฉันคิดว่าในพระราชวังเขาอนุรักษ์ตลอด  ไม่ทิ้ง กระทรวงเขาก็พยายามอยู่  ฉันเองคิดมา 5-6 ปีมาแล้ว  เอ..จะเอาตัวหนังไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่วัดบุปผาราม ตัวหนังที่เก่าแล้วเอาไปไว้ที่โรงเรียน…..เจ้าอาวาสวัดบอกว่าไม่ได้  มันเป็นของเจ้า แต่ฉันคิดว่าจะยอมลงทุน ตัดกรอบ ติดกาว ทำให้อย่างดี  ใส่กรอบให้ดี ให้คนข้างหลังได้ดู     

 

ถาม   ประวัติครอบครัวของคุณลุง  มีพี่น้องกี่คน ชื่อะไรบ้าง
ตอบ     พ่อชื่อ   ผล นุดสมบัติ     แม่ชื่อ สรวง นุดสมบัติ    มีพี่น้องรวม  4 คน

  1. นายหนิ่ม นุดสมบัติ    เสียชีวิตแล้ว
  2. นางอำนวย พิมพ์เจริญ   
  3.  นายฉะอ้อน นุดสมบัติ    
  4.  นายโสน นุดสมบัติ

Description: DSC03992

 

ถาม    สิ่งแตกต่างกันระหว่างหนังตะลุงตราดกับภาคใต้ 
ตอบ   ดนตรีต่างกัน แต่ของภาคใต้เขาดีมาก แต่ฉันไม่เคยดูที่ใต้จริงๆ  ดูเฉพาะที่เขาบอกมา   เขาว่าเวทีใหญ่นะ ไม่เคยดูเลย  ที่แจ๋วจริงๆ เขาไม่ออกมา(ไม่มาแสดงที่ภาคตะวันออก)    ตัวหนังคล้ายกันแต่ของเขาสวยกว่า ของเขาเจาะละเอียดยิบ  ทำนองร้องต่างกันเพราะภาษาต่างกัน  การดำเนินเรื่องคล้ายคลึงกัน เวทีต่างกัน เวทีของเขาใหญ่  เวทีของตราดเป็นเสาสูงประมาณ  2  เมตร  กว้าง 3 เมตร   มีบันใดขึ้น ผ้าขาวขึง  โบราณใช้ตะเกียงเจ้าพายุ  เครื่องประกอบจังหวัดตีหลังเวที  ทางภาคใต้ตัวหนังเขาจะบาง เจาะง่าย ละเอียดมาก ของเราที่ทำในภาคนี้ไม่มีทางสู้ได้ ทำหยาบๆ  หนังของพ่อแก่เอี๋ยวสู้ไม่ได้เลย   สมัยก่อนหนังตะลุงเป็นของวัด จะเล่นก็เอามา  ส่วนของฉันเป็นของฉันเองจึงอยู่ได้    ที่อื่นเป็นของวัดหมด  เช่น บางกระดาน จะมีความเชื่อหรือไม่ฉันไม่ทราบ ส่วนมากที่เป็นของวัดจะไปไม่รอด   อีกอย่างที่มีๆ กันแล้วทิ้งเลิกกันไปโดยมากก็มีแบบเป็นหุ้น  หมายความว่าออกทุนเท่ากัน  พอแตกวงก็ไป แต่ของผมเป็นของตนเอง เราจะคุ้มไว้ คนเล่นเราจะไปหาเล่นที่ไหนเก่งๆ มาก็ได้     ไม่เหมือนหุ้น  ถ้าเป็นหุ้นต้องเรียกพวก
          ตอนนี้ตราดก็มีเพียง 2  คณะ  ที่ท่าโสมของลุงอำไพ    กับที่นี่ ตอนนี้ฉันหัดอยู่คนหนึ่ง เป็นแล้ว แต่อายุ 50 ปี (หัวเราะ) เด็กๆ ไม่มีมาหัดหรอกครับ  ตอนนี้ทั้งจังหวัดตราดเหลือนายหนังตะลุงเพียง  3 คน เท่านั้น

 

ถาม     ครูหนังตะลุงของคุณลุง  ที่นับถือเป็นครู  มีใครบ้าง
ตอบ    1.  ครูเอี๋ยว อรุณมาส     2.  นายสรวง  นามสกุลจำไม่ได้  

 

ถาม  ขณะลุงไหว้ครูก่อนแสดงทุกครั้ง  กล่าวถึงครูหรือนึกถึงอย่างไรบ้าง
ตอบ   ตอนไหว้ครูฉันว่าเป็นโครง  กล่าวถึง  ครูเอียด  ครูมั่น  ครูสรวง  ครูเอี๋ยว  ครูฉลวย  ครูสอน(ครูสอน หมายถึง ครูทั่วไปที่มีส่วนช่วยสอนเรา) ไปแสดงที่ไหนต้องบอกครู 5 คนนี้ 

 

ถาม    เครื่องไหว้ครู มีอะไรบ้าง 
ตอบ     หมากพลู  3 คำ  บุหรี่ 1 ซอง    เทียน 2 เล่ม (ทำน้ำมนต์ และไหว้ครู)   เหล้า 1 ขวด 
 เงิน 12 บาท    ดอกไม้ ธูปเทียน

 

ถาม  การแสดงหนังตะลุงสมัยก่อน ที่ชุกๆ ขนาดไหน
ตอบ    สมัยก่อนมีงานมาก เอาเป็นว่าฉันทำนาตกกล้าไม่ได้แล้วกัน มีงานตลอด แสดงตรงนี้แล้วไปแสดงต่อๆ ไป  ต้องเดินสายตลอด   

 

ถาม    คนหนังตะลุงคนเจ้าชู้ไหม
ตอบ    เคยมีเพื่อนๆ  มีประวัติ  ไปหลงละเริง  เรื่องสาวเรื่องอะไร    แต่ไม่เป็นอันตรายเท่าไร  เพราะว่าพอคนเราไปคุย  พอมีเพื่อนก็ไปพักหนึ่งแหละ  

 

ถาม   คนในสมัยก่อน ถ้าเขาจะหาหนังตะลุงไปแสดง  เขาสืบหากันอย่างไร   
ตอบ    บอกต่อๆ    ไปแสดงงานเจ้าหนึ่ง(แห่งหนึ่ง)  พอคนติดใจก็มาติดต่อ ไปงานของฉันนะ อยู่ตรงนั้นๆ  คนต่างถิ่นไกลเขาก็ถามทางเดินกันมา พ่อแกเอี๋ยวอยู่ปลายคลองบุปผารามโน้น  บางครั้งคนบ้านเรายังต้องเดินนำทางมาด้วย ไม่งั้นไม่รู้  ถ้าคณะไหนมีชื่อเสียงคนหาก็เดินไปหาไกล แต่ปกติจะหากันในตำบล  

ถาม   การผิดครูเป็นอย่างไร
ตอบ   การผิดครูคือเป็นไม่เคารพอย่างหนึ่ง  หนังตะลุงเล่นกลางวันไม่ได้  อาจารย์สั่งไว้ว่าถ้าเอ็งเล่นก็แตกกัน คณะแตก ต่างคนต่างไป เขาสั่งไว้ ไม่ห้ามผู้หญิงจับหนัง ผู้หญิงแสดงได้   ไม่ห้ามผู้หญิงขึ้นโรงหนัง  เคยมีเหตุการณ์ผิดครูเล่าต่อๆ นานมาแล้ว นานเหลือเกิน  ฉันเองก็ไม่ทัน  เขาเล่าว่าคนที่เล่นชอบกินเหล้า  หมายความว่าคืนนี้เล่นไปแล้วคืนหนึ่ง รุ่งเช้าก็ยังอยู่นั่น  สมัยก่อนหยอกกันไปมานะ  เล่นกลางวันก็เล่นได้ คนชอบกินเหล้านะ เอาเชือกมาขึง เอาจอออก เล่นปลายเชือก เสร็จแล้วเล่นได้อีกครั้ง แล้วก็แตกกัน ไม่ได้เล่นอีกแล้ว  มีเรื่องกระเสาะกระแซะ
ตัวหนังห้ามเดินข้าม  ของฉันไหว้ครูปีละครั้ง หลังไหว้ครูแล้วจะเล่นฟรี  ปกติฉันจะไปไหว้ครูที่หลวงปู่(ศาลเจ้า)ที่สระบัวโน้น เขามีศาลาอย่างดี ไหว้ครูแล้วก็เล่น  เอาเครื่องสังเวยต่างๆ  เครื่องดนตรีและตัวหนังไป เอาผ้าขาวปูหน้าจอ เอาของวางรวมกัน ขนมไหว้ครู ขนมต้มขลุกมะพร้าว แดง ขาว อย่างละ 5 ลูก  มีแดงตรงกลาง ใบศรี  ตั้งนะโม กล่าวชุมนุมเทวดา กล่าวเชิญครูมาเสวย พี่น้องๆ ที่มาร่วมคณะใครที่ยังไม่ไหว้ครู ก็บอกให้มาร่วมกัน จากนั้นทิ้งช่วงพอค่ำก็เล่นถวาย  แต่ทำไม่ทุกปีนะ นานๆ ทำครั้ง บางทีไปแสดงไกลๆ ค้างคืน อยากไหว้ครูก็จัดอาหารมาถวาย ก็ไหว้ครูเหมือนกัน    

 

ถาม    เคยแสดงประชันกับหนังตะลุงจากภาคใต้ไหม
ตอบ   คราวเล่นกับพ่อแก่เอี๋ยว  มีหนังตะลุงปักษ์ใต้มาเล่นที่ภาคตะวันออกคณะหนึ่ง  มีเจ้าภาพหามาเล่นที่(บ้าน)จำโป๊ะ เขาก็มาหาคณะพ่อแกเอี๋ยวไปประชัน  ตั้งโรงเสมอกัน เขาก็เล่นถวายเจ้าเหมือนกัน  เล่นกันไปพักเดียวคนฟังทางเขาไม่ออก  ทางนี้(คณะพ่อแก่เอี๋ยว)ก็เล่นสนุกกันใหญ่  คนมาฟังหมดเจ้านี้หมด   มันก็แพ้เพราะคนดูมันฟังไม่ออก(หัวเราะ)  ร้องอย่างไรสำเนียงไปทางใต้ฟังไม่ออก  เจ้าของ(เจ้าภาพ)เขาอยากให้ลองประชันกันดู อยากให้ลองเหมือนกัน  เขา(คณะทางใต้)เล่นลูกไม้เขามาก แต่คนเล่นหนังตะลุงทางใต้เก่งมากนะ ที่เคยมาเล่นทั่วๆ ไปฉันไปดูเขาเล่น  ฉันว่าที่มาแสดงยังไม่ใช่คณะเก่งของเขานะ ขนาดนี้ยังเก่ง โรงใหญ่ของเขาไม่เก๊นะ (เก่งมาก)

Description: DSC03995

 

ถาม  อยากให้เปรียบลิเกกับหนังตะลุง
ตอบ  ว่าตามโบราณ ลิเกถ้าเจอกับหนังตะลุง   คณะลิเกต้องส่งหัวหน้าคณะหรือตัวแทนมาขอโทษ เพราะเขาถือว่าหนังตะลุงเกิดก่อน  ครูหนังตะลุงเป็นอาจารย์ใหญ่   ไปเล่นที่ไหนลิเกเขาจะมีดอกไม้มาไหว้ครูหนังตะลุงก่อนแสดง มาให้ที่โรงหนังตะลุง ขอสมาลาโทษ  ฉันเจอหลายครั้ง อย่างคราวไปเล่น(บ้าน)สานหิน  คณะลิเกบอกเลยว่าครูหนังตะลุงเป็นต้นแบบ ลิเกมาทีหลัง ต้องไปกราบขอโทษอาจารย์  หมายความว่าไม่มาแข่งขัน  มาขอโทษอาจารย์

 

Description: DSC03994
Description: DSC03997

 

          อีกอย่างฉันคิดว่าหนังตะลุงเล่นยากกว่า เรื่องที่แสดงเข้าถึงคนดูมากกว่า ใช้คนแสดงน้อยกว่า  ไปไหนสะดวกกว่า ไม่มากเรื่อง  คณะลิเกคนแสดงน้อยๆ เล่นไม่ได้   คนแสดงลิเกพอออกแสดงก็ค่อนข้างตัวใครตัวมัน  แต่หนังตะลุงทั้งโรงก็ไอ้ 2 คนนี้  เรื่องที่เล่นก็เข้าถึงคนดูได้ง่ายมาก  พลิกแพลงได้มากกว่า ลิเกพลิกแพลงมากไม่ได้ ต้องเล่นตามเรื่องที่เคยฝึกซ้อม

 

จบการสัมภาษณ์

 

จัดทำโดย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ฉลองชัย ธีวสุทรสกุล
โครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี