บทสรุปสัมภาษณ์นายหนังฉะอ้อน นุดสมบัติ
เกิด  พ.ศ. 2469   ตำบลหนองโสน     อำเภอเมือง      จังหวัดตราด
สถานที่  บ้านหนองโสน  สิงหาคม  2550  เวลา 15.00 น  
ฉลองชัย  ธีวสุทรสกุล  ผู้สัมภาษณ์

 

(เนื่องจากสำเนียงภาษาของนายหนัง เป็นภาษาถิ่นจังหวัดตราด   ซึ่งจะตัดคำและมีเสียงสูงต่ำเมื่อจบประโยค  ผู้รวบรวมจึงได้เพิ่มเติมคำและแก้ไขประโยคให้อ่านเข้าใจ  โดยคงใจความสำคัญของประโยคไว้เหมือนเดิม)

 

ถาม  เกิดปีไหน  ปีนั้นมีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง
ตอบ    เกิดปี  พศ. 2469  เกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง   แต่ที่ตราดเงียบๆ   คนแถวนี้ไม่รู้เรื่อง  ฉันอยู่โรงเรียน อาจารย์เขาบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  สมัยก่อนไปตลาดต้องเดินไป  ระยะทาง 10 กิโล เดินไปเดินกลับ ถนนไม่มี  กรุงเทพมันไกลมาก  สมัยนั้นวิทยุไม่มี   ตอนฉันอายุ 26  แต่งงาน   ยายว่า(ภรรยา)  วันนี้จะไปซื้อวิทยุสักหลัง  ราคา 300 บาท สมัยนั้นทองบาทละ 400  บาท   ยายอยากได้วิทยุจนนอนไม่หลับ    อายุประมาณ 26-27 มีจักรยานสิงห์หมอบแบบธรรมดา  ล้อโต    

 

ถาม   หนังตะลุงตราดมาอย่างไร
ตอบ   มีมาก่อนแล้ว  เขาว่าตาควนมาจากใต้  เขาเอาหนังมาด้วย  มาอยู่นี่เลย  ตอนนั้นฉันเป็นเด็ก

 

ถาม   สมัยนั้นการละเล่นที่นิยมเมื่อมีงานวัด  คืออะไร
ตอบ   หนังตะลุงทั้งนั้น  บ้านที่มีสตางค์เขาไปจ้างลิเก  งานบวชหนังตะลุงทั้งนั้น 

 

ถาม   สมัยนั้นคณะหนังตะลุงในตราด เฉลี่ยมีหมู่บ้านละคณะ เป็นไปได้ไหม
ตอบ   ตอนนั้นเล่นหนังตะลุงกันมาก  ฉันว่าหมู่บ้านมากกว่า 1 คณะ   ที่บ้านน้ำเชี่ยวมี 3-4 โรง  แต่พอคราวงานบวชไม่พอจ้าง เพราะมันตรงกัน  เดินไปเล่นกัน  เดินกลับ  หามหนังเครื่องดนตรีไป

 

ถาม    คณะหนังตะลุงแต่ละคณะ เขามีวิธีการถ่ายทอด สืบต่อกันอย่างไร
ตอบ   โขมยจำต่อๆ กันไป

 

ถาม    (ก๋ง)ฉะอ้อน หัดหนังตะลุงอย่างไร
ตอบ   ฉันหัดเอง สมัยก่อนฉันอยากรู้ว่าเขาเล่นอย่างไร แอบไปดู แต่เขาปิดโรงไม่ให้ขึ้น กั้นหมด  เปิดช่องเล็กๆสำหรับขึ้นลงๆ เอาหนังปักกล้วยเอามาปิดไม่ให้เห็น แต่ฉันพยายามแอบมอง  เขาเล่นกันอย่างไร ทำอย่างไร  เงามาอย่างไร  โรงก็สูงมาก  เหนือหัวยังจับไม่ถึง  ใจฉันมันชอบ  ไปเห็นเขาวับๆแวบๆ กลับมาทำตัวหนังเอง  ตอนนั้นฉันอายุ 14 ปี  มาคิดตอนนี้เหมือนเป็นคนบ้า หัดเล่นใต้ถุนบ้าน  เอาตะเกียงแขวน  พอหัดไปๆคนเดียวเล่นไม่ได้  ไปหาพวกมาเล่นด้วยเป็น 2 คน สองคนช่วยกันกับเพื่อนทำโทนเอง ไปเอาต้นหมากต้นไหนแก่นๆขโมยตัดเลย  ตัดติดดินมันจะได้มีหัว  เอาสิ่วเจาะเนื้อออก  เห็นคนบ้านหินโข่งเขาทำให้ลูกชายตีเล่น  เอาหนังกะจงมาทำหนังกลอง  สมัยนั้นกะจงมันเยอะ  ไปนั่งรอท่าเดี๋ยวก็มา  เอาปืนขึ้นนกสับรอไว้  เอาไม้เร่วมาทำเสียงเฟวๆ  เลือกตัวเล็กๆหนังไม่หนา เนื้อก็กิน ตัวแรกใช้ไม่ได้ ยิงถูกตัว หนังมันเป็นรู  ต้องยิงหลายๆตัว  เลือกผ่าหลัง หลังมันหนา ต้องให้หนังท้องอยู่หน้ากลองเพราะมันบาง    ขึงสดๆตากแดดไว้  ส่วนกลองตุ๊กมีแล้ว 
ตัวหนังตะลุงก็ทำเอง ประมาณ 10-20  ตัว  ที่เราจะใช้เล่น มีตัวเจ้า ลูกชายเจ้า บ้านโน้นอีกเมือง มีเจ้ามีลูกสาว จินตนาการสร้างตัวขึ้นมา  เล่นใต้ถุนบ้านไปเรื่อยๆ   พ่อแม่ฉันก็ชอบใจนั่งดูเราเล่นทุกคืน  ต่อมาทำโทนให้ครบสองลูก ตัวผู้ตัวเมีย

 

          ต่อมาต้องหาพรรคพวกมาตีโทนตีกลอง  เพราะฉันกับเพื่อนต้องเชิดหนัง เล่นทุกคืน  เช้าต้องออกเลี้ยงควาย  เขาจ้างหนังตะลุงมาเล่นที่ไหนเดินไปแต่หัวค่ำ  ไปดูว่าเขาร้องเขาเล่นกันอย่างไร   ต่อมาๆ  ไอ้คนตีโทนกลองคณะหนังตะลุงมันรู้จักเรา  มันเรียกเราให้เราขึ้นไปเล่นกับเขา  พอเราขึ้นไปเรามองเห็นหมด  เขาทำอย่างไร  แต่หนังก็ไม่กล้าหยิบนะกลัวถูกครู  จำเขา เขาร้องเล่นเรื่องไรจำเรื่องเขาไว้  ตัวนั้นไปนั่นตัวนั้นมานี่จำทำนองของเขา จำเนื้อไม่ได้เพราะเขาร้องด้น  ไปเลียนแบบการร้องรับส่งดนตรีอย่างไรจังหวะอย่างไร สมัยนั้นไม่มีเครื่องขยายเสียง ร้องสด ร้องตอนแรกเห็นหน้าจอสีม่วงหมด  ประหม่า  แต่พวกเราบอกว่าเป็นอย่างนั้นเพราะครูเขาแข็ง  แต่คงไม่ใช่ครูหรอก  เป็นความรู้สึกเรา

 

ถาม    ก๋งฉะอ้อนครอบครูหรือไม่  ใครครอบให้
ตอบ    ต้องครอบครู  ไม่ครอบไม่กล้า  ฉิบหายวายป่วง  ฉันให้นายคงครอบครูให้ 
มีตัวอย่างเขาว่า(เล่ากันว่า)ท้าประชันกัน “ไอ้เปลี่ยนเล่นสู้ยงค์ได้เหรอ” ไอ้ยงค์ว่า“ถ้าสู้ไม่ได้คืนนี้ไม่เอาหนัง” ก็เล่นประชันกัน จะไปสู้ได้เหรอนายยงค์เขามีครู นายยงค์เป็นคนน้ำเชี่ยว ไอ้เปลี่ยนเป็นคนหนองโสน เราไม่ดูก็รู้แล้ว โรงโน้น(นายยงค์)คนเต็มแน่นๆ  นายเปลี่ยนโมโหแพ้เขา ถีบจอพังจอ แพ้เขา ไม่เก็บหนัง  ทิ้งตัวหนังเลย ตอนแรก  ฉันจะให้นายยงมามอบครู(ครอบครู)ให้  สมัยนั้นหนังตะลุงโรงนายคงกับนายยงดัง    นายคงกับนายยงเล่นโรงเดียวกัน ต่อมาทะเลาะกันแบ่งตัวหนังคนละครึ่ง ทีแรกตาแก้ว(ญาติผู้ใหญ่ของนายฉะอ้อน)ไปตกลงกับนายยง“มึงมอบให้อ้อนนะ”  นายคงรู้ว่าตาแก้วไปหานายยง นายคงเขาไม่ชอบใจ  วันนัดวันพฤหัสนายยงไปเมาเหล้าไม่กลับ  ตาแก้วไปเอานายคงมามอบให้ฉัน  เขาเอาเลย นายคงเป็นท่านอาจารย์หนังตะลุง  วันพฤหัสจ้างเขามาบ้านเรา  เขาอยากให้เราไปจ้างเขา  เพราะเคยได้ยินเสียงเราตอนที่เราหัดๆ  เคยไปช่วยเขาร้องช่วยเขา  พอร้องได้ 3-4 ตัวเรากลับบ้าน  แกบอกว่าเสียงดี  

 

ถาม  พิธีครอบครูทำอย่างไร
ตอบ  ปลูกโรงใกล้บ้านเรา ตอนเย็นก่อนวันทำพิธีนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็นแล้วเล่น 1 คืน  คนดูเต็มแน่น  ต้นไม้จะตายหมด (“เขาเป็นหนุ่มเสียงดี รูปหล่อสาวชอบ  ครูหนังตะลุงมาแย่งฉะอ้อนกัน พยายามมาเอาไปช่วย”    ภรรยานายฉะอ้อนกล่าวแทรก ให้ข้อมูล) ปลูกโรงหนังตะลุง  มีต้นกล้วยวางหน้าโรงและด้านข้างโรงทั้งสองด้าน   เอาตัวหนังตะลุงปักต้นกล้วยเรียงจนเต็มทั้ง 3 ด้าน  เอาสายศิลน์วนรอบตัวหนัง  เอาผ้าขาวผ้าแดงปู  ขันล้างหน้าขนาดใหญ่มีน้ำสะอาด มีใบเงินใบทองอย่างละ 3 ใบ  ขนมต้มขาวแดง ตอนเช้าเริ่มทำพิธี  เริ่มพิธีจุดเทียนทำน้ำมนต์  เขา(นายคง)ว่าไม่ให้ได้ยิน   ฉันนั่งข้างๆเขา  สมมุติว่ามีครูที่ตายไปแล้วมานั่งที่ผ้าขาวผ้าแดง พวกโทนกลองนั่งหลัง  ทำน้ำมนต์เสร็จ  เอาหนัง 3 ตัว คือตัวหนังนารายณ์ตัวหนังฤษีและตัวหนังยักษ์  ส่งให้ฉันรับไปปักที่ต้นกล้วยหน้าเวที   ขณะส่งครูเขาบริกรรม  แต่ฉันไม่รู้เขาว่าอะไร  จากนั้นเขาเอานำมนต์ประพรมตัวหนังและพวกเรา  เป็นเสร็จพิธี

 

 

ถาม   เคยผิดครูบ้างไหม
ตอบ    ผิดครูคือไม่เคารพ ไม่เล่นตามระเบียบ  
          “เคยมีตัวอย่าง  เมื่อก่อนก๋งเขารับทำขวัญนาคด้วย  งานทำขวัญนาคงานหนึ่ง  ก๋งเขาไม่กล้าบอกเจ้าภาพขอเครื่องไหว้ครู  เงิน บุหรี่ เหล้า ก๋งเอาเงินออกเอง เลยถูกครูใบศรีขวัญนาค  นอนป่วย 2 ปีเต็ม  นอนก็ไม่ได้  นอนแล้วเห็นใบศรีใหญ่กลิ้งมาทับ  นอนไม่หลับ  ทำขวัญนาคได้แต่ตัวเหลือง รักษาไม่หาย  ไปโรงพยาบาลก็ไม่รู้  เป็นจนตัวเหลือง  หมอดูคนหนึ่งบอกว่าครูใบศรีกระทำ  พอมาไหว้ขออภัย   อาการเลยดีขึ้นเรื่อยๆ หายไป”  ภรรยานายฉะอ้อน ให้ข้อมูล

 

ถาม   ตอนเป็นเด็ก คณะหนังตะลุงของใคร  ดังที่สุด
ตอบ   คณะก๋งสรวงพ่อแก่เอี๋ยว  เด่นสุดในตราด  ร้องเสียงดี  เสียงนาง  เสียงเจ้า เล่นตลก คนเล่นเข้ากันได้ดี  เล่นสนุก  

 

ถาม  ตอนเป็นเด็ก เคยเห็นหนังตะลุงภาคใต้ไหม
ตอบ   ตอนเด็กฉันไม่เคยเห็น  ฉันเห็นตอนฉันเก่ง  เคยมีมาแสดงคณะหนึ่งเขาเล่นคนเดียว บ้านที่นี่เขาทำบุญ เขาไปว่าจ้างมา  ฉันบอกเด็กๆว่าอย่าไปบอกเขานะว่ากูเป็นหนังตะลุง  กูจะไปดูเขา  เล่นคนละอย่างนะ  เขารู้ว่ามาภาคนี้ร้องอย่างภาคเขาไม่ได้  เขาเปลี่ยนแต่มันก็ยังออกเปรยๆ  ฝนตกเปรย ไม่ใช่ปรอยๆ (นายหนังฉะอ้อนร้องทำนองที่ได้ยินมาให้ฟัง)

 

 

นั่งดูภาคใต้เขาเล่น ดนตรีไม่เหมือนกัน ร้องคนละอย่างนะ เขาเก่งมากนะ การร้อง จังหวะ อะไรๆ เก่งมากเลย  ถ้าคิดว่าเล่นคะแนนเต็ม 100   ให้เขา 100  ของเรา 60 เอง   พอเขาเล่นเสร็จเอาข้าวต้มมาเลี้ยง เข้าไปแสดงตัวว่าเราเป็นหนังตะลุง  เขาว่าข้างบน(พื้นที่เหนือภาคใต้)มีหนังตะลุงด้วยเหรอ   ทำไมไม่เข้าไปเล่นกับเขา ปล่อยให้เขาเล่นไปได้    
   
ถาม   มีการประชันกันบ้างไหม  และคณะก๋งฉะอ้อนประชันกับคณะอื่นบ่อยไหม
ตอบ   มีมาก  เขาหาไป  รับไม่รับบอกเขา  ปลูกโรงหันหลังให้กัน  ห่างกันหน่อย  คนใครมากกว่าชนะ 

 

ถาม  ใช้ไสยศาสตร์กันบ้างหรือไม่ เมื่อประชัน
ตอบ   สมัยก่อนมีคาถาทำกัน  ถ้าโรงนี้มีคาถาดีไปทำไว้ คนไปดูโรงโน้นไม่ดู กลับมาโรงนี้หมด  แต่ฉันไม่มี ก่อนมอบครูฉันบอกกับอาจารย์คงว่า   อาจารย์..ของ(ไสยศาสตร์)สิ่งไหนไม่ดีไม่ต้องมอบให้ฉัน   ของที่ไปทำคนอื่นอย่าให้ฉันนะ  มีอยู่อย่างเดียวขอของกัน ของทำไม่เอา  ครูคงเขามีของทั้งกันทั้งทำ  เขารับมอบมาจากอาจารย์มั่นสมัยโน้น  
          เห็นเขาทำกัน  เอาด้ายขาวพันไม้ พันไปว่าคาถาไป แอบเอาไปวางใต้เสื่อบนโรงของเขา   ของเราก็ต้องเปิดเสื่อก่อนเล่นนะ(หัวเราะ) เอากันขนาดนั้น ไม่มีของกันสู้เขาไม่ไหว  ขันน้ำที่เขามาตั้งไว้อย่าไปกิน   เขาอะไรมาใส่ไม่รู้  กัดคอเรา  ร้องไม่ออก

           (สมัยก่อน พระเทศก์มหาชาติ 2 ธรรมมาศยังทำกันเลย  คอยดูนะ พระองค์นั้นขึ้นธรรมมาศไหน เอาไปอุดใต้ธรรมมาศนั้น  เสียงไม่มี ; ภรรยานายฉะอ้อนกล่าวแทรก ให้ข้อมูล)

 

ถาม   ตัวหนังทำอย่างไรครับ
ตอบ  ของฉันปรุเอง แต่ไปจ้างเขาวาด  วาดลงกระดาษ หาคนวาดสวยๆ อาจารย์อิ๋นคนบางกระดานวาดสวย   ฉันไปจ้างเขา  เรามาปรุเอง  สำหรับฉันเขา(นายอิ๋น)ทำให้ฟรีเขาไม่เอา(ค่าแรง)  เขาเกรงใจเรา   เขามีงานบวชลูกชายเราไปช่วย  เขาไม่เอาสตางค์เรา  ถ้าคิดสตางค์สมัยนั้นเมื่อ 50 ปีมาแล้ว  ก็ไม่แพง   ตัวละ 10  บาท   ตอนฉันเป็นเด็กสมัยนั้นตัวหนังวาดไม่สวยสู้สมัยนี้ไม่ได้   ต่อมานายเสนาะคนบางกระดานวัยใกล้ๆกันกับฉันเขาบริการเขียน นายเสนาะเขาทำตั้งแต่เขาหนุ่ม ทำมา 60-70 ปี ต่อมาให้ลูกชายเขาไปเรียนวาด  ฝืมือคะแนนเต็ม 100  ให้อาจาย์อิ๋น 70  นายเหนาะ 100

 

ถาม  สมัยนั้น จันทบุรี ระยอง มีหนังตะลุงไหม
ตอบ   มี เขาเคยมาเล่นที่ศาลากลางตราด ตัวหนังคล้ายกัน  ร้องคล้ายๆ กัน  สมัยนั้นมีมาก  มีทั่วไป

 

ถาม   ขั้นตอนการแสดงเป็นอย่างไร
ตอบ     ตามประเพณีเวลา 1 ทุ่มต้องโหมโรงใช้เพลงไทยเดิม  ถึงเวลาเล่นให้เชิด  เริ่มแสดงเปิดหน้าพระ  กลองตุ๊กตีลงโทนกลอง 3 ครั้ง  เอาตัวหนังฤษีขึ้นไว้กลาง ตัวพระไว้ทางขวา ตัวยักษ์ไว้ซ้าย   กล่าวชุมนุมเทวดา  และกล่าวคำขออนุญาตเจ้าของสถานที่แสดง  จากนั้นตัวฤษีกระซิบซ้ายทางตัวยักษ์แล้วกลับไปตัวขวาหาตัวพระ  จากนั้นเอาทั้ง 2 ตัวรบกัน ติดกัน เข้าโรง จากนั้น เอาตัวเสนาออก  เจรจากันทำนองว่า  คืนนี้จะเล่นเรื่องอะไร  ว่ากันไป เรื่อยๆ 

 

ถาม  เรื่องที่แสดงเป็นเรื่องอย่างไร
ตอบ  สมัยเดิมเรื่องรามเกียรติ์  ต่อมาใช้เรื่องแต่งเอง เป็นเรื่องทั่วๆ ไป  ตอนเย็นของคืนแสดงจะแต่งเรื่องแล้วให้คู่เล่นอ่านด้วยกัน  อ่านไม่นานก็รู้กัน   เรื่องที่แต่งมีมาก  เรื่องไหนดีสนุกดีคนชอบก็เก็บไว้  เอาไว้แสดงที่อื่นต่อ  เรื่องไหนไม่สนุกก็ไม่สนใจ  เรื่องที่คนชอบกันมากก็มีเรื่อง มนุษย์กายสิทธิ์   เรื่องนี้เล่นบ่อย  ไปที่ไหนคนดูขอให้เล่นเรื่องนี้ 

 

ถาม  ต้องมีเรื่องแทรกด้วยหรือไม่
ตอบ  การแทรกต้องมี  ถ้าไม่มีมันเหงา  แต่ไม่แทรกในเรื่องรามเกียรต์   การแทรกเอาตัวตลกตัวเสนาไปเอาไอ้หล่อไอ้เพิกออกมาแทรกช่วงที่เหมาะสม พูดให้คนดูรู้ไม่งั้นคนดูเขาไม่รู้  ร้องไม่ได้สรรพคนดูไม่รู้หรอก   เราต้องพูดให้ดูว่าเป็นงั้นๆคนก็หัวเราะ  เอาหมามากัดกันบ้างเอาเหตุการ์บ้านเมืองมาแทรกเข้าไป  สมมุติเรื่องที่จะเล่นมีเจ้าชายอ่านหัวหนังมือพิมพ์ไทยรัฐ เขาบอกว่าฤาษีมีหลานสาวสวยชะมัด ฉันจะให้แกเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอ โอ้ย..พระองค์ไปไม่ไหวหรอกไกลมากๆหลายกิโล   แต่สบายมากพระองค์จ่ายค่าน้ำมันมาเถอะ ไปได้   เฮ้ยรถมอไซต์ของแกไปไม่ไหวรถมันเก่า   เฮ้…. ไหว    พอขี่รถไอ้คนซ้อนท้ายมึงซ้อนกูขี่รถเอง   ขี่ไปๆมึงนั่งแน่นๆนะ  จะเกียร์ 4 ละนะ   พอออกรถปึ๊ดไอ้คนหลังก็ตก   ไอ้คนขับไม่รู้เรื่องคุยไปคนเดียว  คนดูข้างล่างๆฮา  ตะโกนว่าตกตั้งแต่เนินโน้นแล้ว  พอใกล้ๆศาลาฤาษีระวังนะ  เดี๋ยวรถจะชน     ชนเลยโครมๆ   ฤาษีบอกว่าใครวะกล้ามาชนศาลากู  เด็กฮาๆ

 

ถาม  สมัยนั้นหนังตะลุงกับลิเก คนตราดนิยมต่างกันไหม
ตอบ  คนดูหนังตะลุงมากกว่า  ลิเกมันเอื่อย ไถล ทำให้คนไม่ชอบดู  ไม่เล่น มันรำอยู่นั่นแหละ  แต่หนังตะลุงมันออกมาเล่นทันใจดี  ตลก ไม่ช้า  บางครั้งไม่ต้องร้อง เจรจาเอา   ร้องเอื่อยก็เป็นลิเก   เด็กกลับบ้านหมด  ต้องเล่นเร็วๆให้มันฮาๆกันมากๆ   คณะลิเกใหญ่มันแพง  หนังตะลุงไม่กี่คนก็เล่นได้  โรงก็ทำเองได้ง่ายๆ  โรงละเกทำยาก  อาจยืมไม้เขาไปทำโรงลิเกเป็นเรื่องเรื่องใหญ่   เล่นเสร็จต้องเอาไม้ไปคืนเขาอีก ยุ่งยาก  แต่ลิเกบางคณะที่ดีๆเล่นเก่งๆหนังก็สู้ไม่ได้นะ  เหตุที่นิยมอีกอย่างคือราคาถูกกว่า เรื่องเล่นทันกับชีวิต  สอดแทรกได้ดี 

 

ถาม  ต้องแทรกคุณธรรมด้วยไหม
ตอบ   ปกติมีการแทรกบ้างแต่ไม่มากและต้องให้เรื่องสมกันกับที่แทรก  แต่คณะหนังตะลุงส่วนใหญ่จะเล่นไปตามเรื่อง  โรงไหนแทรกเด็กชอบผู้ใหญ่ชอบ  แต่ต้องแทรกให้เหมาะ เช่น เรื่องรามเกียรติ์ตอนทรพีทรพาและตอนศึกกุมกัณฑ์แทรกง่าย  เพราะเราเคยอ่านหนังสือ จำได้ กุมกัณฑ์เป็นคนดี  สุดท้ายแกต้องชั่วตามพวก  ทศกัณฑ์มันว่าถ้าญาติตายหมดแล้วมึงอยู่คนเดียวได้ไหมพระรามไม่เอามึงไว้เหรอ    หนังตะลุงที่มีชื่อ นายหนังเขาเก่งเขาดูที่ดูทาง  เขารู้กฏหมายรู้การเมือง  เขาเล่นเย้ยแหย่ล้อเลียนได้  

 

ถาม  งานที่หนังตะลุงแสดงเป็นงานอะไร
ตอบ  ที่เล่นมาก เป็นงานแก้บน  งานบวช  งานศพ  ก็เกือบทุกงาน   ยกเว้นงานแต่งงาน

 

ถาม  ขณะแสดง ถูกขอให้แทรกงานวัดงานบุญ บ้างไหม
ตอบ  มี  แต่ได้ผลหรือไม่ก็ไม่รู้ บางครั้งคณะกรรมการบอกช่วยกันหน่อย เอาตลกออกมาก  เชิด ร้องด้น ถามกัน  รู้ไหมกรรมการเขาว่าวันนั้นจะประชุม  ให้มาประชุมพร้อมกัน ไปไหมกูไปนะ สมัยนั้นบ้านเมืองไม่วุ่นวายเหมือนตอนนี้  ถึงวุ่นวายก็ไม่รู้เรื่องนะ  เขาจัดการเองเราไม่รู้ละ ข่าวบ้านเมืองไม่รู้  ไม่มีวิทยุ

 

ถาม  มีวิธีการฝึกคนรุ่นหลังอย่างไร
ตอบ  คนฝึกหนังตะลุงต้องฝึกยังเด็ก มาฝึกแก่ๆไม่เก่ง   เด็กสนใจและมาอยู่ด้วยกันบ้านเดียวกันง่ายเลย    เราร้องให้เขาฟังเลย   จะกล่าวถึงทศกัณฑ์ ยักษ์ศรี เอ๋ย  เท่งๆๆๆ  จะ เท่งๆๆๆๆ      เอาหนังตะลุงเก่ามาเชิดให้เขาดู  เด็กจำง่าย อย่างนี้เป็นแน่  แต่เราจะไม่รู้เสียงเขาต้องเลือกเสียงเป็นสำคัญ    หน้าตาไม่ต้องเลือกมากเพราะอยู่ในโรง  จังหวะและเสียงสำคัญ  เวลาเชิดตัวต้องไปด้วยนะ   ฝึกร้องก่อนเลย  พอร้องแล้วโทนกลองจะตามเอง   แหม…ยากนะ   ต้องมีสมาธิอย่างแม่น  ร้องด้นต้องได้
          คนที่มาฝึกกับเรา  เสียงต้องดีกว่าเรานะ  ไม่งั้นลำบากนะ   ฉันให้บทร้องฉันไม่ให้เฉพาะที่ทำนองร้องเหมือนลิเก ร้องได้วรรคแล้วเปลี่ยนต้องฝึกแบบนี้ ฝึกปฏิภาณการร้อง ฝึกเขาเปลี่ยนไปเรื่องอื่นๆได้  ยากนะกว่าจะออกงานได้  เราอย่ามีอารมณ์นะ  ใจดีอดทน  เราพยายาม  บอกว่ายอด  ฉันฝึกแกนี่เหมือนหางานให้แกทำ  ทำไม่เป็นไม่ให้ไป  เราต้องให้เป็นมากๆ  แต่ไอ้ยอดมันตีโทนกลองเก่ง  เราผลัก  สักพักเราก็ให้บทมัน   เราอยากให้มันร้องได้  ร้องด้น  ไม่มีเอากลอนวรรคดีมาให้ร้องตาม  ร้องด้นเฉพาะวรรคแล้วเปลี่ยนเอา ลงไหนก็ได้เสมอ  ต้องฝึกขนาดนี้นะ  พอวรรคสี่ถ้าสมาธิเสียร้องไม่ออกลงเจรจาเอา   พักสมอง คิดไม่ออกว่าจะไปอย่างไร  ไม่มีใส่แบบเลย  ร้องด้นทั้งนั้น  คนหนังตะลุงด้นทั้งนั้น  มีสองคนแต่หนัง 30 กว่าตัว 
 ช่วงอายุ 30  กำลังปราดเปรื่อง   แต่ต้องฝึกมาตั้งแต่อายุ 14   พอเล่นไป 6-7  ปีนี่  เราเล่นกันอยู่ให้ออกตัวสองตัวแล้วเราเข้าไปพักได้   แต่พออายุเข้า 50 -60  เล่นเริ่มไม่ไหว

 

ถาม  คิดว่าเพราะเหตุใด หนังตะลุงตราดจึงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
ตอบ  แปลกนะ เจ้าพ่อตราดชอบ  อันดับแรกงานบนเจ้า  วันนี้จะขายพรุ่งนี้ถ้าเขาซื้อบนหนังตะลุง 1 คืน  ไม่บนลิเก   สองปีผ่านมานากุ้งคราวนี้ตายหรือเป็นอะไร เป็นที่น้ำหรือไง เลิกราไป   เมื่อตอนนากุ้งดีๆ  เล่นทุกคืน    เมื่อก่อนงานบวชทุกงานเลย  เดือน 12 ทำบุญท่าน้ำ  งานประเพณีทุกงาน ทำบุญทุ่งทุกงาน    คนดูหลาย  บางงานหาแสดงสองคืน  คืนนี้ 8-12 โมง  คืนที่สอง 8 โมงดึกไป  เจ้าภาพที่จ้างต้องไปลงเรือ ให้เล่น 6-10 โมงแทนเจ้าภาพอยากดูมาก   แต่พอเลิกไม่ดึกหนังโรงนี้ทำไมเลิก 10 โมง  เขาเลิก 12 โมงนี่    เราต้องเล่น ไม่งั้นโดนก้อนหิน   ชั่วโมงนั้นตลกที่สุด  ใส่สดๆเลย   พักก็ไม่ได้  มันด่า เล่นตลอดเลย  มีเหมือนกัน คนเยอะ เที่ยงคืนเขาให้ต่อเอาสว่าง  แม่ครัวต้มข้าวต้มให้เสร็จ กินแล้วเล่นต่อ  

 

ถาม คนเล่นหนังตะลุง ต้องประพฤติตัวอย่างไร
ตอบ   คนเล่นหนังตะลุงเขารู้จักเราหมด ทั้งชื่อและตัวรู้จักหมด  คนที่ไม่มีปัญหาจึงจะเล่นหนังได้   คนดีๆ จึงจะเล่นได้  ขี้เหล้าเมายาเล่นไม่ได้หรือเล่นได้ก็ไม่ดัง    นอกจากร้องเก่งต้องเป็นคนดีด้วย   เรื่องเหล้ายา  บางคนกินบางคนไม่กิน   ถ้าเล่นไปๆเล่นได้ไม่นาน  บางคนก็กินแบบยิ้มๆ 

 

ถาม  เคยมีการรวมคณะหรือผสมคณะไหม
ตอบ  ถ้ายอมก็เล่นได้   แต่ต้องเป็นคนที่เล่นเก่งๆ  และเรื่องที่เล่นไปด้วยกันได้ 

 

ถาม  มีบทร้อง บทเจราลักษณะสองแง่สามง่าม บ้างไหม
ตอบ   เล่นปกติไม่มีแบบนี้   บ้านนี้ไม่มีใครเล่น   จะมีบ้างก็สะกิดนิดๆ  เอารูปมาให้ดู  อาจมีนิดหน่อย  อิงแอบ อุ่น นมต้ม อวบอัด ขาวสาย แต่ต้องร้องดีๆ เก่งๆ นะ  

 

ถาม  ก่อนจบการแสดง มีการแสดงอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม
ตอบ  มีร้องลา แม่นั้นแม่นี้ให้อยู่เย็นเป็นสุข  เป็นธรรมเนียม  ขอให้สนุกสบายว่าไปอย่างงั้น  กล่าวด้นร้องให้เจ้าภาพร้องยากพอสมควรนะ ถ้าว่าไปแล้วลงตัวตาย(กลอนตาย)ต้องพยายามหนีไปเป็นตัวเป็นให้ได้   แต่บางคนก็หนีไม่พ้น 

 

จบการสัมภาษณ์

 

จัดทำโดย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ฉลองชัย ธีวสุทรสกุล
โครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี