Integrated & Innovative Jewelry Materials Research Unit; IIJMat
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยในปี พ.ศ. 2559 – 2560 มียอดการส่งออกสูงถึงมากกว่า 220 พันล้านดอลล่าสหรัฐ อัญมณีและเครื่องประดับจัดเป็นสินค้าส่งออกที่นำรายได้เข้าประเทศได้มาก ติดอันดับ 1 ใน 5 ของสินค้าจากประเทศไทย และในปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 1 ใน 10 ของโลกเป็นครั้งแรก (อันดับหนึ่งในทวีปเอเชีย) สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องประดับเงิน (อันดับที่ 2 ของโลก) เครื่องประดับทอง (อันดับที่ 13 ของโลก) รวมถึงอัญมณีเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนที่ผ่านการเจียระไน (อันดับที่ 4 และ อันดับที่ 2 ของโลก ตามลำดับ) [ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)]
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทย ได้รับการยอมรับในระดับแนวหน้า ปัจจัยหลักมาจาก คุณภาพการผลิตของช่างฝีมือไทยในการขึ้นรูปเครื่องประดับและการเจียระไน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพของอัญมณี จึงทำให้อัญมณีจากทั่วโลกถูกนำผ่านเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อผ่านกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงจนได้เป็นอัญมณีที่สวยงาม จำหน่ายสู่ตลาดโลก ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านของความสามารถในการผลิตที่หลากหลายของช่างฝีมือที่มีทักษะ มีความปราณีต รวมถึงความสามารถในด้านการออกแบบ
จากความสำคัญต่างๆ เหล่านี้ทำให้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้รับการกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การวิจัยรายประเด็น โดยสภาวิจัยแห่งชาติ ในปี 2560 โดยมีเป้าประสงค์ 3 ประเด็น ได้แก่ การสร้างองค์ความรู้ในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอัญมณีเครื่องประดับของประเทศให้มี 1) ขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ 2) ให้มีความพร้อมในการรับรองคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล และ 3) การสร้างแนวทางในการประชาสัมพันธ์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ชาวต่างชาติ
อุตสหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญที่ได้รับโอกาศในการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก (Jewelry hub) ภายใน 5 ปี หรือ พ.ศ.2564 [ข้อแถลงโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพิธีเปิดการประชุมสมาพันธ์เครื่องประดับโลกประจำปี 2560 (CIBJO Congress 2017 5-7 พ.ย. 2560 ณ โรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพมหานคร] นอกจากนี้ โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ยังอยู่ใกล้เคียงกับแหล่งวัตถุดิบอัญมณีของไทย คือ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งค้าอัญมณีสีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นศูนย์รวมพลอยแบบครบวงจรที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล รัฐบาลจึงเห็นว่าจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งหนึ่งของไทย จึงได้มีการจัดการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออก โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงแรมมณีจันทร์รีสอร์ท จังหวัดจันทบุรี โดยมีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาจราจรและส่งเสริมการท่องเที่ยว เชื่อมโยงจังหวัดในภาคตะวันออก
จากการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 โดยมี รมว.กระทรวงพาณิชย์ และ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานร่วม ได้มีการสรุปเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ คือ การสร้างมาตรฐานการรับรองคุณภาพสินค้า การเชื่อมโยงการค้าอัญมณีเครื่องประดับเข้ากับการท่องเที่ยว และการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อให้เทียบเคียงกับประเทศคู่แข่ง เช่น ฮ่องกง เป็นต้น
นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ยังได้จัดสรรทุนวิจัยมุ่งเป้า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยได้มีกรอบการวิจัย ในเรื่อง การพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2560 และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปีงบประมาณ 2562 ในปัจจุบัน ซึ่งการพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ ระบุในหัวข้อ นครอัญมณี ซึ่งกำหนดการวิจัยเพื่อมุ่งให้ จังหวัดจันทบุรี เป็นนครอัญมณี และคณาจารย์คณะอัญมณี ได้ดำเนินการวิจัยโดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยภายใต้กรอบการวิจัยนี้ ในปีงบประมาณ 2560 และ 2561 และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อรับทุนสนับสนุนการวิจัยภายใต้กรอบการวิจัยนี้ในปีงบประมาณ 2562 เป็นการสนับสนุนการวิจัยในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีสากล โดยมุ่งเน้นประเด็นการพัฒนาทั้งด้านการตลาด การออกแบบและสร้างอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและเทคโนโลยีวัสดุ เพื่อส่งเสริมและยกระดับมาตราฐานอุตสาหกรรม
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้นในระดับสากลและเป็นการสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องการยกระดับประเทศไทยให้ไปอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูง โดยการปฏิรูประบบเศรษฐกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ ในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม คณะอัญมณี มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี จึงมีความประสงค์ที่จะจัดตั้ง“หน่วยวิจัยบูรณาการนวัตกรรมวัสดุเครื่องประดับ (Integrated & Innovative Jewelry Materials Research Unit) ” เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์การวิจัย 3 ประการ คือ
1. การวิจัยเชิงบูรณาการของวัสดุเครื่องประดับ ทั้งด้านเทคโนโลยีวัสดุ อัญมณีศาสตร์ การตลาด และการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
2. การสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวกับวัสดุเครื่องประดับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
3. สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อบูรณาการศาสตร์รอบด้านจากหน่วยงานและสถาบันต่างๆ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมวัสดุเครื่องประดับของไทย
วัตถุประสงค์
- วิจัยและพัฒนาด้านอัญมณี และวัสดุเครื่องประดับ รวมถึงด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารธุรกิจ และมีการวิจัยแบบบูรณาการ
- พัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับอัญมณี วัสดุเครื่องประดับและกระบวนการผลิต รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์
- เผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ ท้งเชิงชุมชนและเชิงพานิชย์
- บริการการอบรม ศาสตร์ความรู้ด้านอัญมณี และวัสดุเครื่องประดับ รวมถึงด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารธุรกิจ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
- บริการทดสอบและวิเคราะห์และพัฒนาวัสดุและกระบวนการผลิตตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ
แผนการดำเนินงานของหน่วย
- จัดหาทุนวิจัย เพื่อให้สามารถดำเนินการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในด้านต่างๆ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอัญมณี และวัสดุเครื่องประดับ รวมถึงด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารธุรกิจ และการวิจัยแบบบูรณาการ
- ดำเนินการวิจัย ในด้านต่างๆ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอัญมณี และวัสดุเครื่องประดับ รวมถึงด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารธุรกิจ และการวิจัยแบบบูรณาการ
- พัฒนาเทคนิคและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอัญมณี วัสดุเครื่องประดับและกระบวนการผลิต รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์
- จัดทำสื่อ และดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรม จนถึงการนำไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งเชิงชุมชนและเชิงพานิชย์ และมีการติดตามผลการนำไปใช้ประโยชน์
- ดำเนินการประชาสัมพันธ์ สำหรับการบริการจัดการอบรม และดำเนินการอบรม ความรู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย ปีละ 3 ครั้ง
- ดำเนินการจัดการอบรม ศาสตร์ความรู้ด้านอัญมณี และวัสดุเครื่องประดับ รวมถึงด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารธุรกิจ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
- เข้าสู่บริษัทเอกชน เพื่อรับประเด็นปัญหาปัจจุบัน และพัฒนาไปสู่การบริการทดสอบ วิเคราะห์และพัฒนาวัสดุและกระบวนการผลิตตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ