ระเบียบวิธีการบรรเลง
คณะละครเท่งตุ๊ก ในอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นคณะละครที่รับงานตามที่มีผู้ว่าจ้างไปแสดงทั้งในท้องถิ่น และนอกท้องถิ่นของตน โดยสถานที่ในการแสดงจะแตกต่างกันไป เช่น แสดงบนเวทีที่จัดเตรียมไว้ทั้งเวทีกลางแจ้ง และเวทีในอาคาร รวมทั้งหอประชุมต่างๆ การแสดงแต่ละครจึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ บางครั้งต้องลดหรือตัดขั้นตอนต่างๆ ในการเตรียมการแสดงออกไป จากการสังเกตการณ์แสดงละครในแต่ละครั้ง จะมีระเบียบวิธีการบรรเลงการแสดงที่ปฏิบัติเป็นประจำดังนี้
- ขั้นเตรียมการแสดง
- จัดเตรียมสถานที่ที่เหมาะสมในการจัดวางเครื่องดนตรี ได้แก่ โทน กลองตุ๊ก และเครื่องประกอบจังหวะ เครื่องละคร ได้แก่ ยอดชฎาพระ-นาง เครื่องกำนัล ได้แก่ ดอกไม้ ธูป เทียน หมากพลู 3 คำ บุหรี่ เหล้าขาว เงิน 12 บาท แต่เดิม 2 สลึง) เพื่อเตรียมไหว้ครู สมาชิกในคณะเตรียมเวที จัดเตรียมเครื่องละคร แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว
- ไหว้ครูโดยเมื่อใกล้ถึงเวลาในการแสดง หัวหน้าคณะทำพิธีไหว้ครู โดยจุดธูปเทียนบูชาครู นักดนตรีและผู้แสดงพนมมือพร้อมกัน จากนั้นผู้ทำพิธีไหว้กลองตุ๊ก โดยนำไม้ตีกลองตุ๊กจรดลงไปบนหน้ากลอง กล่าวคำบูชาและตีรัวจากช้าไปเร็ว 3 รอบ จากนั้นไหว้โทน โดยนำหมากพลูมาใส่ไว้ในมือแล้วพนมมือตรงปากโทน กล่าวคำบูชา และใส่หมากพลู ลงไปในโทนจากนั้นตีโทน 3 ครั้ง จากนั้นผู้แสดงตั้งจิตอธิษฐานขอพรแล้วแยกย้ายกันเตรียมการแสดงต่อไป
- ขั้นแสดง
- โหมโรง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการแสดงและเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าจะมีการแสดง การโหมโรงมีลักษณะ 2 แบบ แยกตามลักษณะวงดนตรีที่บรรเลง คือ
- แบบที่ใช้วงปี่พาทย์ชาตรี คือ เท่งตุ๊ก โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ (ไม่มีปี่) บรรเลงทำนองจังหวะหน้าทับต่างๆ
- แบบใช้วงปี่พาทย์ชาตรีผสมระนาด คือ ระนาดเอก กลองตุ๊ก โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ บรรเลงเพลงโหมโรง ก่อนการแสดง
- รำสิบสองท่า เป็นการรำเพื่อแก้บนให้กับผู้ว่าจ้าง เป็นการรำ 12 ท่า โดยใช้กลองตุ๊ก โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ บรรเลงประกอบ ผู้รำแต่งชุดยืนเครื่องพระ-นาง ยืนเป็นแถวตอนลึกหรือหน้ากระดาน โดยดนตรีจะบรรเลงหน้าทับต่างๆ ประกอบการรำ และเป็นสัญญาณในการเปลี่ยนท่ารำ ท่าต่างๆ
- รำซัดชาตรี เป็นการร้องและรำโดยเนื้อร้องเป็นการบูชาและระลึกนึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ โดยใช้กลองตุ๊ก โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ บรรเลงประกอบ ผู้รำแต่งชุดยืนเครื่องพระ 2 คน ออกมารำ
- แสดงเรื่อง คณะละครเท่งตุ๊ก ในอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นคณะละครที่ยังอนุรักษ์การแสดงละครแบบโบราณไว้ แต่เดิมนิยมเล่นละครเรื่อง ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง มณีพิชัย สังศิลป์ชัย เป็นต้น ปัจจุบันสามารถเล่นละครที่เป็นเรื่องราวสมัยใหม่ขึ้น เป็นเรื่องราวต่างๆ หลากหลายอารมณ์ ซึ่งปรับเปลี่ยนตามความต้องการของเจ้าของงานผู้ว่าจ้าง
- ขั้นจบการแสดง
- การลงโทน วงดนตรีบรรเลงเพื่อบอกถึงการจบการแสดงและลาโรง
- การเก็บของ และหัวหน้าคณะ ลาครูโดยยกมือไหว้ระลึกนึกถึงครูบาอาจารย์
|